ถ้าพูดถึงขนมปังกรอบ หลาย ๆ คนอาจนึกถึงขนมปังแผ่นขนาดประมาณนามบัตรทาเนยอบกรอบแล้วโรยน้ำตาล แต่สำหรับธุรกิจของ เบนซ์ – ทรงวุฒิ เยือกเย็น ศิษย์เก่าวิทยาลัยดุสิตธานี สาขาการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร ขนมปังกรอบที่สร้างความมั่นคงและอนาคตให้กับชีวิตของเขาเป็นสูตรที่เขาคิดค้นขึ้นมาเองโดยอาศัยความรู้ความสามารถที่ได้ร่ำเรียนจากวิทยาลัยฯ ประกอบกับประสบการณ์ของเขาสร้างสรรค์ออกมาเป็นขนมปังกรอบ category ใหม่ของโลกที่เรียกว่า “ขนมปังเนยหนึบ”
หากให้เปรียบเทียบกันระหว่างขนมปังกรอบโรยน้ำตาลทั่วไปกับขนมปังเนยหนึบของเบนซ์ที่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “BenPan Bangkok” จุดต่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่งคือเรื่องของความ “หนึบ” เพราะสิ่งที่อยู่บนหน้าขนมปังเนยหนึบไม่ได้มีแค่เนย แต่มีนมเป็นส่วนผสมด้วย และด้วยเทคนิคการผลิตแบบพิเศษของเบนซ์ ทำให้ขนมปังเนยหนึบมีทั้งความกรอบ หนึบ และหอมไปพร้อมกัน ซึ่งในปัจจุบัน ขนมปังเนยหนึบของ BenPan Bangkok มีให้เลือกมากกว่า 13 รสชาติแล้ว
นอกจากความเข้มข้นของรสชาติขนมปังเนยหนึบแล้ว ชีวิตของเบนซ์ก็เข้มข้นไม่แพ้กัน ซึ่งเขาได้เปิดเผยว่า “สมัยเด็ก ๆ เราถือว่าเป็นคนยากจนคนหนึ่ง เราโตมาแบบค่อนข้างขาดแคลน เราเลยเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพื่อส่งตัวเองเรียน เราเป็นติวเตอร์ เราขายตรง เราขายของหลายอย่างมากจนมีคนเรียกเราว่าอายุน้อยร้อยอาชีพ ที่เรามาเรียนที่วิทยาลัยดุสิตธานีได้ก็เพราะเรากู้ กยศ. ซึ่งต้องขอบคุณ กยศ. จริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราคงจะไม่ได้เรียนที่นี่ พอไม่ได้เรียนที่นี่ ขนมปังเนยหนึบก็อาจจะไม่เกิดขึ้นมาในโลกก็ได้ การได้ทุนของ กยศ. ช่วยให้เรามีเวลาทุ่มเทให้กับการเรียน การฝึกงาน หรือทำอย่างอื่นนอกจากหาเงินเพื่อจ่ายค่าเทอมได้”
จากความยากจน เบนซ์ได้ต่อสู้กับความยากลำบากเพื่อวิ่งไปข้างหน้าจนพบกับประตูบานแรกที่เปิดโอกาสสู่ธุรกิจ
“ในตอนนั้น ความสนใจของเรามีแต่ทำอะไรก็ได้ให้รวย ตอนมาเรียนเลยกลายเป็นว่าเรียนแล้วตาข้างหนึ่งก็มองหาวิธีการทำอย่างไรให้รวย มารู้ตัวว่าต้องทำธุรกิจก็ตอนช่วงปี 3 เทอม 2 หรือปี 4 ที่เรียนไฟแนนซ์กับบัญชี เรามีเรียนเรื่อง future value ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เห็นว่ามูลค่าของเงินในปัจจุบันกับเงินในอนาคตไม่เท่ากัน เงินมีการเสื่อมค่า เราเลยมองว่าคนรวยเขารวยเพราะมีการลงทุน เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้เห็นระบบธุรกิจ เราเลยเซ็ตตัวเองว่าจะไม่ทำงานประจำ เรียนจบออกไปจะต้องไปค้าขายและทำให้รวย”
หลังจากเรียนจบ เบนซ์ได้ตระหนักถึงสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้อาศัยแค่สินค้าเพียงอย่างเดียว แต่อาศัยความรู้ความเข้าใจและการตลาดด้วย
“เราขายของมาหลายร้อยอย่าง ตั้งแต่อสังหาฯ บ้าน รถ ขายทุกอย่าง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง เพราะเราไม่ได้มีความเข้าใจในธุรกิจนั้น เราทำเพราะอยากรวยอย่างเดียว เราลงทุนไปโดยขาดความรู้ความเข้าใจ จนสุดท้ายเราไม่เหลืออะไร ช่วงที่ขายตรง เราเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่แสนกว่าบาท รถที่ได้มาช่วงนั้นก็โดนยึดไป เลยต้องมีหนี้ผ่อนชำระ เรามีไปขายของที่ตลาดนัดด้วยเหมือนกัน เราก็เจ๊งเพราะเราทำแต่สินค้า เราเคยทำทั้งปลาแดดเดียว ขนมเปี๊ยะ คอหมูกรอบ ของอร่อยมากแต่การตลาดไม่ดี ก็ตายจบจากไป ทุกอันเป็นแบบนี้หมด พอมาช่วงที่เริ่มทำบราวนี่ เราเป็นเจ้าแรก ๆ ที่เริ่มขายในออนไลน์ พอเราเริ่มทำการตลาดบน Facebook เริ่มยิงโฆษณา มันเหมือนสินค้าที่ใช่ได้เจอกับการตลาดที่ถูกต้อง มันเลยโตเร็ว แรก ๆ วิ่งส่งบราวนี่เอง ทำเองทุกขั้นตอน รับออเดอร์กลางคืน เช้าอบบราวนี่ กลางวันไปส่ง จนหลังจากนั้นเราส่ง Kerry เรามีตัวแทนจำหน่าย”
เมื่อเริ่มจับทางธุรกิจถูก ขนมปังเนยหนึบจึงเกิดขึ้น เบนซ์ได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตน รวมถึงทักษะการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ไม่คาดฝัน
“ตอนที่กิจการขนมปังเราเริ่มดี มีลูกค้าเข้าคิวรอขนมปังเราถึง 6 เดือน เราเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจแล้ว เราเลยขอกู้เงินธนาคารมาซื้อเตาปิ้งเพิ่ม ตัวละประมาณ 7-8 แสนบาท เราเลยไปคุยกับเจ้าของโรงงานผลิตเตาว่าขอให้เขาช่วยเราหน่อย เขาก็ให้เราผ่อนค่าเตาได้ 3 เดือน ผ่อนมาเดือนที่ 2 จู่ ๆ มีรถตู้สีขาวมาจอดหน้าบ้านที่เราเช่าอยู่ มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตลงรถตู้มา เอาหนังสือสั่งปิดกิจการมาให้เรา เพราะเพื่อนบ้านโทรไปแจ้งว่าบ้านเราส่งกลิ่น สร้างไอร้อน และทำเสียงดังรบกวนตลอดเวลา วันนั้นเราก็นั่งร้องไห้ เราไปที่สำนักงานเขต ขอต่อรองเวลาย้ายออกอีก 7 วัน ผู้ใหญ่เขาก็เอ็นดูเราเลยได้เพิ่มเป็น 14 วัน เราเลยรีบหาที่อื่นเช่า ขับรถไปร้องไห้ไป ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง พอได้โรงงาน ก็ต้องมาเซ็ตทุกอย่าง ทั้ง อย. ระบบบำบัดน้ำเสีย ค่าเช่าก็ต้องยืมเงินน้อง ๆ ที่เป็นตัวแทนขายเพราะธนาคารไม่ให้กู้ ดีที่เรามีความรู้เรื่อง food safety จากที่เราเรียนมาช่วยให้โรงงานเป็นรูปเป็นร่างขึ้น กว่าเราจะเริ่มส่งออกได้ก็ใช้เวลา 3 ปี เพราะการขอ GMP HACCP (ตราสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานอาหารและการผลิตที่ปลอดภัย) ใช้เวลานาน ใช้เอกสารในการตรวจสอบเยอะ”
ทุกวันนี้ ไม่เพียงแค่ชาวไทยเท่านั้นที่ชื่นชอบขนมปังเนยหนึบของเขา นักธุรกิจจากไต้หวัน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ก็ทยอยเข้ามาหาเบนซ์ จากจุดเริ่มต้นเป็น homecook ที่อบขนมเองที่บ้าน โดนสำนักงานเขตสั่งปิดกิจการ สู่การเป็นโรงงานผลิตขนมที่ได้มาตรฐานระดับโลกพร้อมผลิตสินค้าส่งเข้าร้านสะดวกซื้อกว่า 3-4 พันสาขาทั่วประเทศและส่งออกต่างประเทศ
สำหรับใครที่สนใจสร้างธุรกิจของตนเอง เบนซ์ได้ฝากข้อความไว้เพื่อเตือนใจในอนาคต ณ วันที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ
“ทุกวันนี้ เราก็ยังอยู่บ้านเช่า น้อง ๆ ตัวแทนก็มาถามว่าทำไมไม่ซื้อบ้านของตัวเอง เราก็บอกว่าเราได้เรียนรู้จากการทำธุรกิจ กับเจ้าของ SME อื่น ๆ เขาสอนเรื่องของ lifestyle ถ้าวันหนึ่งเราขับเบนซ์ เราจะไม่รู้สึกอยากกลับมาขับรถญี่ปุ่น ถ้าเราขยาย lifestyle ให้สูงขึ้นแล้ววันหนึ่งธุรกิจมันไม่เป็นใจ การเงินไม่เป็นใจ มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก เราจะลด lifestyle ตัวเองลงมายากมาก ดังนั้นยิ่งเราใช้ชีวิตให้ simple มากเท่าไหร่ เราก็จะได้รายได้เพิ่ม ซึ่งเราก็สามารถสะสมเงินตรงนี้แล้วไปลงทุนได้ แล้ววันหนึ่งที่มันเกิดสินทรัพย์ เกิดอสังหาฯ ที่ก่อรายได้ขึ้นมามากพอ เราค่อยมาขยาย lifestyle ก็ได้”
“ถ้าหากเราจะเป็นหนี้ ต้องเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่ใช่หนี้ที่เกิดจาก lifestyle ชีวิตที่ไม่มีหนี้นี่แหละดีที่สุด”