“คุณกินอะไร คุณก็เป็นอย่างนั้น” เป็นคำพูดที่เรามักจะได้ยินติดหูกันโดยหมายถึงการให้ความสำคัญกับการกินอาหารที่ดีซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง แต่อย่างที่รู้กัน อาหารที่ดีมักจะไม่ค่อยอร่อย นี่จึงเป็นเหตุผลให้ เจนนี่ – Zhanna Spitsyna นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากสาขาวิชาศิลปะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพ (หลักสูตรนานาชาติ) วิทยาลัยดุสิตธานี ตัดสินใจที่จะเรียนต่อด้านศิลปะการทำอาหารหลังจากเรียนจบสายแพทย์ที่ประเทศคาซัคสถาน
“ฉันเป็นนักให้คำปรึกษาด้านโภชนาการออนไลน์” เจนนี่กล่าว “ฉันวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพของผู้ป่วยและออกแบบรายการอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อให้พวกเขาทำกินตามที่กำหนด ปัญหามีอยู่ว่า ผู้ป่วยของฉันหลายคนมักเกิดความกลัวที่จะกินอาหารที่ฉันออกแบบให้เพราะอาหารเพื่อสุขภาพและรักษาโรคส่วนใหญ่หน้าตาไม่น่ากิน แถมยังไร้รสชาติ พอฉันเข้าใจปัญหานี้ ฉันจึงตัดสินใจว่าฉันต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารเพิ่มเติมแล้ว”
ก่อนที่จะมีความสนใจในอาหารเพื่อสุขภาพ เจนนี่เคยมุ่งมั่นที่จะมีความเชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์
“บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยคิดที่จะเดินมาทางสายโภชนาการหรือแม้แต่ศิลปะเลยในชีวิต ตอนที่เรียนแพทย์อยู่ ฉันสนใจที่จะเรียนเฉพาะทางด้านการผ่าตัด แต่หลังจากเรียนจบแพทย์ทั่วไป ฉันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะว่าคุณปู่ที่ฉันสนิทด้วยมาก ๆ ต้องจากโลกนี้ไป เพื่อที่จะทำให้ฉันหลุดพ้นจากความเศร้า ฉันจึงเริ่มก้าวเข้าสู่โลกของการไดเอต ฉันทำตามสูตรการลดน้ำหนักบนอินเตอร์เน็ตรวมถึงทำตามคำแนะนำของคนที่ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่จริง ๆ พวกเขาไม่ได้มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับอาหาร โภชนาการ หรือสุขภาพเลย นั่นเลยทำให้ฉันสุขภาพเสียและต้องนอนโรงพยาบาลในที่สุด หลังจากการรักษาตัว ฉันจึงให้สัญญากับตัวเองว่าฉันจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ผู้คนไม่ต้องเจอกับประสบการณ์แย่ ๆ อย่างที่ฉันเจอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเลือกมาเป็นนักโภชนาการและเริ่มทำอาชีพเกี่ยวกับอาหารและการปรุงอาหาร”
สายใยระหว่างเจนนี่และอาหารไม่ได้เริ่มขึ้นจากเหตุการณ์นี้ แต่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเธอยังเด็ก ซึ่งเป็นความทรงจำดี ๆ ร่วมกับคุณปู่ของเธอ
“ครอบครัวของฉันมีสายสัมพันธ์พิเศษกับอาหารมาตลอด คุณปู่เป็นเชฟในร้านอาหาร ตอนเด็ก ๆ ฉันก็ชอบเข้าไปช่วยงานคุณปู่ในครัวและได้เรียนรู้เคล็ดลับในการประกอบอาหารมากมาย ฉันจึงได้รับสืบทอดความรักในการทำอาหารของคุณปู่มาพร้อมกับเทคนิคการทำอาหารต่าง ๆ ที่ทุกวันนี้ฉันยังจำได้ดีและนำมาใช้ในการทำงาน อาหารยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในครอบครัวของฉันที่ทำให้ทุกคนมาอยู่รวมกัน ไม่ว่าก่อนหน้านั้นจะเกิดความขัดแย้งหรือทะเลาะอะไรกันมาก่อนก็ตาม ระหว่างมื้ออาหาร พวกเราจะนั่งร่วมโต๊ะอาหารและพูดคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน หรือในช่วงที่เรากำลังเตรียมอาหารกัน พวกเราก็สื่อสารพูดคุยกันเยอะมาก อาหารจึงเปรียบเสมือนกาวที่เชื่อมให้ทุกคนในครอบครัวรวมกันเป็นหนึ่ง นั่นเป็นช่วงเวลาและความทรงจำที่มีความสุขมากที่สุดของฉัน”
เพื่อที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง เจนนี่จึงได้ทุ่มเทให้กับศาสตร์และศิลป์ของอาหาร อย่างไรก็ตาม สุขภาพที่ดีไม่ได้มาจากเพียงแค่โภชนาการที่ดี แต่รวมถึงวิธีการปรุงอาหารที่ดีด้วย
“ศาสตร์และศิลป์ของอาหารเติมเต็มซึ่งกันและกัน ฉันสนใจศึกษาและค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีในอาหารและกระบวนการทางกายภาพที่เกิดขึ้นกับวัตถุดิบขณะที่กำลังปรุงอยู่ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการของอาหารจานนั้น ๆ ถ้าไม่มีความรู้ด้านนี้ คงเป็นไปได้ยากที่ฉันจะออกแบบรายการอาหารที่รสชาติดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้กับผู้คนได้ ที่วิทยาลัยดุสิตธานี สาขาวิชาศิลปะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพ (หลักสูตรนานาชาติ) ได้มอบความรู้ด้านนี้ให้ฉันอย่างเต็มที่ เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และจากอาจารย์ที่มากประสบการณ์”
เริ่มต้นจากการเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศไทย เจนนี่ได้ค้นพบสิ่งที่เธอต้องการและปักหลักอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาในระดับปริญญาตรีใบที่สอง รวมถึงปูเส้นทางอาชีพของเธอในอนาคต
“ฉันเรียนคอร์สปฏิบัติสั้น ๆ ที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต และรู้สึกแฮปปี้กับสิ่งที่ได้เรียน ฉันจึงคิดกับตัวเองว่า ด้วยความรู้นี้ ฉันจะสามารถออกแบบเมนูอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะตัวและความพึงพอใจของผู้ป่วยของฉันได้อย่างดี ดังนั้น ฉันจึงค้นหาทฤษฎีเกี่ยวกับอาหารมากขึ้นเพื่อนำไปปรับปรุงรายการอาหารของฉัน ที่วิทยาลัยดุสิตธานี มันเป็นมากกว่าสถานศึกษาสำหรับฉัน เรียกได้ว่ามันเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดที่เข้ามาในชีวิตของฉันก็ว่าได้ อาจารย์ที่ปรึกษาที่นี่พร้อมช่วยเหลือฉันเสมอแม้ว่าฉันจะถามสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากหลักสูตรก็ตาม ฉันมักจะได้รับการสนับสนุนจากพวกเขาจนทำให้รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวที่สองของฉันเลย คุณภาพของการเรียนการสอนที่นี่ก็สูงมากเช่นกัน ที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันเลือกเข้ามาเรียนที่นี่ก็คือ สาขาวิชาศิลปะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพเป็นสาขาที่ได้รับความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ สถาบันอาหารระดับโลก ซึ่งฉันก็ประหลาดใจกับตัวเองว่า แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอายุ 30 แล้ว เรียนรู้มามากมายหลายสิ่งแล้ว แต่ที่วิทยาลัยดุสิตธานีแห่งนี้ก็ได้เปิดชุดความรู้ใหม่ ๆ ให้กับฉันเสมอ นั่นช่วยปูทางให้ฉันกลายเป็นนักโภชนาการที่เก่งขึ้นได้ รวมถึงเป็นอาจารย์สอนทำอาหาร นักเขียนหนังสือโภชนาการสำหรับผู้ป่วย และเจ้าของธุรกิจจัดส่งอาหารเพื่อสุขภาพในอนาคตด้วยเช่นกัน”
เจนนี่มีการวางแผนไว้ด้วยว่าอยากจะให้ครอบครัวของเธอมาอยู่ที่ประเทศไทย
“วัฒนธรรมในประเทศไทยกับที่คาซัคสถานมีความคล้ายคลึงกันมาก ผู้คนให้ความเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงการมองครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ฉันมีความสุขกับอากาศอุ่น ๆ ของประเทศไทย รวมถึงความเป็นมิตรและความชอบช่วยเหลือของคนไทยด้วย ถึงพวกเขาจะพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องกัน แต่พวกเขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือฉัน”
ความรักที่เจนนี่มีต่ออาหารได้สร้างให้เกิดเป็นแพสชั่นในชีวิตของเธอ ความใส่ใจของเธอต่อสุขภาพและความสุขของผู้คน ไม่เว้นแม้แต่ความใส่ใจต่อตัวเธอเองนั้น ได้มอบรางวัลให้กับชีวิตของเธอด้วยปัจจุบันที่ประเมินค่าไม่ได้และอนาคตสดใสที่กำลังรอเธออยู่