ปัจจุบันมีข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพสิ่งแวดล้อมโลกอยู่เป็นระยะ ปัญหาหนึ่งที่ชาวโลกจับตามองคือ น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ละลายไวขึ้น 6-7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน น้ำแข็งในกรีนแลนด์จึงหายไปถึง 4,700 ล้านตัน มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1.2 เซนติเมตร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นว่า สภาพอากาศของโลกกำลังย่ำแย่เพียงใด
เรื่อง Sustainability หรือความยั่งยืนจึงกลายเป็นกระแสที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญ ทุกภาคส่วนต่างร่วมกันเสาะหาแนวทางที่จะปกปักรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนไว้สำหรับคนรุ่นหลัง หนึ่งในนั้นคือ รัฐบาลของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียและ Sustainable Tourism Global Center (STGC) ที่ร่วมกับองค์การสหประชาชาติ จัดงาน MENA Climate Week 2023 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงรียาด (MENA ย่อมาจาก Middle East and Northern Africa) เพื่อทำความเข้าใจและเร่งหาทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งช่วยกำหนดทิศทางและอนาคตของการท่องเที่ยวและการบริการอย่างยั่งยืนของโลกด้วย ภายในงานนำเสนอเรื่องราวอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความยั่งยืนมากมาย ทั้งในรูปแบบของการเสวนา เวิร์กช็อป และสื่อดิจิทัลอลังการ รวมทั้งมี Youth Forum 2023 สำหรับเยาวชนที่สนใจเรื่องความยั่งยืนและการท่องเที่ยว
ทั้งนี้รัฐบาลซาอุฯ ได้เชื้อเชิญนักศึกษาจากนานาประเทศทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีเพียงวิทยาลัยดุสิตธานีเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของประเทศที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานด้าน Sustainability และ Sustainable Tourism ที่ยิ่งใหญ่ระดับสากลครั้งนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่สอนทางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการโดยตรง โดยวิทยาลัยดุสิตธานีได้พานักศึกษารวม 41 ชีวิตบินเหินฟ้าไปรียาดเมื่อวันที่ 8-12 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นการเปิดโลกทัศน์และมอบประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ให้แก่นักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานีอย่างแท้จริง
“การร่วมงานในครั้งนี้ทำให้ฉันได้รับโอกาสที่น่าทึ่งในการพบปะ รับฟัง และมีส่วนร่วมกับผู้นำระดับโลกมากมาย เช่น เจ้าชายอับดุลอะซีซ บิน ซัลมาน และ เจ้าหญิงไฮฟา แห่งซาอุดิอาระเบีย ผู้นำจากสหประชาชาติ ผู้แทนและนักศึกษาจากทั่วทุกมุมโลก” Ms. Kamelia Ferdousi นักศึกษาสาขา Hospitality Management (หลักสูตรนานาชาติ) วิทยาลัยดุสิตธานี กล่าวถึงความรู้สึกที่เป็น 1 ใน 41 นักศึกษาผู้เข้าร่วมงาน “งานนี้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของเยาวชนและความมุ่งมั่นอันทรงพลังของพวกเราในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกใบนี้ ซึ่งผู้จัดงานได้อำนวยความสะดวกให้กับเครือข่ายผู้นำระดับโลกในอนาคต เพื่อนำเราไปสู่โลกที่สวยงามด้วยวิธีที่ยั่งยืนและน่าชื่นชม พวกเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมดิริยาห์ (Diriyah) เมืองแห่งแสงสว่าง และนิทรรศการของ NEOM ที่เผยให้เห็นโครงการ The Line แห่งอนาคตซึ่งเป็นแผนรองรับผู้คน 9 ล้านได้อย่างน่าทึ่งหากทำสำเร็จ นอกจากนี้งาน MENA Climate Week ยังทำให้ฉันเข้าใจถึงอนาคตที่สดใส เมื่อคำนึงถึงการมีส่วนร่วมและความตระหนักรู้อันทรงพลังของเยาวชน การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ทำให้ฉันได้เยี่ยมชมประเทศซึ่งมีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ อาหารอาหรับที่น่าตื่นตาตื่นใจ การต้อนรับอันอบอุ่นของชาวอาหรับครั้งนี้ได้ทิ้งร่องรอยอันน่าเหลือเชื่อไว้ในใจของฉัน”
ทางด้าน นายนิธิพล ตั้งสง่ากุล นักศึกษาสาขาการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร วิทยาลัยดุสิตธานี กล่าวเสริมว่า “ผมรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากที่ได้ไปศึกษาแนวคิดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมและการวางแผนงานของซาอุดิอาระเบีย ทำให้ได้รับรู้ถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ทั้งความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต และการสื่อสารที่แตกต่างไปจากประเทศเรา ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างมากที่ได้รับการต้อนรับจากเจ้าบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบายของที่พัก และมื้ออาหาร รวมถึงความรู้อีกมากมายจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในงาน MENA Climate Change ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่สามารถหาได้จากในห้องเรียน ผมจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากงานครั้งนี้มาปรับใช้กับชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของโลกของเรา ผมขอขอบคุณวิทยาลัยดุสิตธานีเป็นอย่างมากที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ร่วมกิจกรรมดีๆ เช่นนี้”
การมีโอกาสเข้าร่วมงาน MENA Climate Week 2023 ของนักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานีผู้เป็นอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ จึงไม่เพียงทำให้นักศึกษาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากต่างแดนเท่านั้น แต่ยังจะจุดประกายความคิดให้พวกเขาในการรักษาโลกใบนี้ให้น่าอยู่มากขึ้น รวมทั้งมองเห็นแนวทางที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวให้เข้ากับกระแสโลกด้วย โดยหวังว่าจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในวิทยาลัยอาจนำไปสู่การพัฒนาสิ่งต่างๆ อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต