




เชื่อว่าหลายๆ คนมีความใฝ่ฝันที่จะไปลองใช้ชีวิตในต่างประเทศดูสักครั้ง จะเป็นระยะเวลาสั้นหรือยาวก็คงมอบประสบการณ์ชีวิตที่ล้ำค่า เช่นเดียวกับเรย์-เสฏฐนนท์ กุลวิภัชวัฒนา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาศิลปะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพ (หลักสูตรนานาชาติ) ที่แม้จะเคยผ่านการใช้ชีวิตต่างประเทศมาบ้างแล้ว แต่การได้ไปฝึกงานที่ประเทศฝรั่งเศสก็เป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่เขาอยากลิ้มลอง
เราถามเรย์ว่า ทำไมถึงได้ไปฝึกงานที่ฝรั่งเศส และอะไรคือแรงจูงใจทำให้อยากไปฝึกงานที่นั่น
“ผมอยากเป็นคนเก่งมาตลอด” เขาตอบ “ผมจึงขวนขวายหางานทำตั้งแต่ปี 1 เพราะผมพบว่าไม่ว่าจะในคลาสหรือในครัวก็จะมีคนเก่งกว่าผมเสมอ ผมจึงอยากเก่งเท่าเขาหรือเก่งกว่าเขาและอยากโตขึ้น ผมเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา 10 เดือน ซึ่งประสบการณ์ที่นั่นบังคับผมได้มาก พูดง่ายๆ คือดัดนิสัยผมได้ ผมเลยคิดว่าฝรั่งเศสน่าจะเป็นตัวเลือกบ่มเพาะเราได้ดี นอกจากนี้ฝรั่งเศสเป็นแหล่งกำเนิดหลายอย่าง ทั้งศิลปะ สถาปัตยกรรม และอาหาร ผมรู้สึกว่าพวกเขามีแพชชั่นและมีความสมดุลระหว่างอนุรักษนิยมกับสร้างสรรค์ จึงอยากเรียนรู้จากพวกเขา อีกเหตุผลสำคัญที่อยากไปต่างประเทศก็เพราะอยากออกจาก Comfort Zone ดูบ้างเพื่อให้เราได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น”
แต่ถึงแม้จะมีความแน่วแน่ที่จะไปฝึกงานที่ฝรั่งเศส แต่เมื่อใกล้ถึงวันเดินทาง เขาก็อดหวั่นไหวไม่ได้ต่อประสบการณ์แปลกใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยคุ้นหรือคุ้นเคยที่กำลังจะได้รับ
“ก่อนบินผมกลัวมาก แอบขอให้ไฟลท์ดีเลย์ (หัวเราะ) คือกลัวแบบใจหายมากกว่าว่าเราจะไปแล้วจริงๆ หรือ แต่โชคดีที่ไปถึงได้รูมเมทที่โอเค ผมผ่านอาทิตย์แรกไปอย่างโอเคจนรู้สึกว่าน่าจะปรับตัวได้ ผมพบว่าคนฝรั่งเศสเขาจริงจังกับการทำงานมากๆ และเขามีความทะเยอทะยาน เวลาทำงานเขาจะให้เกินร้อย ดังนั้นเขาจึงคาดหวังว่าเราน่าจะทำเป็นเลย และเขาจะไม่รอเรา เราต้องตามเขาให้ทัน เราเรียนอะไรก็ต้องงัดออกมาใช้หมด อะไรที่ไม่รู้ก็เสิร์ชหาสดๆ จากอินเทอร์เนต ความยากอยู่ตรงที่เขาไม่บอกเรา ไม่เหมือนเวลาเรียนทีมีอาจารย์มีรุ่นพี่คอยชี้แนะ ระหว่างทำหรือตอนกลับบ้านจึงต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มตลอด เราอยากพยายามตามเขาให้ทัน เพราะเขาจะพูดตรงมากตามสไตล์ตะวันตก ถ้าเราทำไม่โอเค เขาก็จะแสดงออกทันทีว่าไม่ชอบ ผมเองก็เคยโดนตำหนิค่อนข้างแรง แต่พอมองกลับไป เขาไม่ได้ใส่อารมณ์ และเขาติที่งาน ไม่ใช่ที่ตัวคนเพื่อให้เราพัฒนา”
เรย์บอกว่า แทบไม่ได้เจอกับคนไทยเลย และถึงแม้ส่วนใหญ่จะเจอคนที่นิสัยดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ว่าที่ไหนย่อมปะปนไปด้วยผู้คนหลากหลายรูปแบบ เรย์ก็เคยรู้สึกเหมือนโดนกลั่นแกล้งเช่นกัน แต่เขาพยายามคิดว่า ถ้ามีคนมาผลัก แล้วเราจะล้มตามที่เขาผลักทำไม เอาพลังงานไปปรับปรุงตัวเองดีกว่า
“คนฝรั่งเศสอาจดูกระด้าง แต่จริงๆ แล้วเขาแค่เป็นคนตรงไปตรงมา เขาอาจจะไม่ค่อยได้พูดชมเชยใคร เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่คุณทำก็เป็นหน้าที่ของคุณอยู่แล้ว”
เรย์บอกว่า อาจจะกดดันเพราะต้องทำงานท่ามกลางคนเก่งและมีความสามารถ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเอาตัวรอดมาได้หนีไม่พ้นวิชาความรู้ที่เขาได้เรียนจากวิทยาลัยดุสิตธานี
“ความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนตั้งแต่เตรียมของ หั่นผักผลไม้ ทำสต๊อก หรือแม้แต่เรื่องโภชนาการ ได้เอามาใช้หมดเลย ผมรู้สึกว่าตัวเองมีข้อได้เปรียบก็คือเราเรียนทางด้านบริหารมา ซึ่งเป็นส่วนที่เขาไม่มี คนที่เป็นเชฟส่วนใหญ่ไต่เต้ามาจากคนทำงานในครัว ทำให้เขารู้วิธีการทำอาหารทั้งหมด แต่นอกจากการทำอาหาร เขาก็อาจไม่เชี่ยวมากนัก ผมจึงช่วยเขาได้ค่อนข้างเยอะ เช่น การควบคุมต้นทุน การใช้วัตถุดิบ อย่างเช่นจะใช้เนื้อก้อนหนึ่งให้เกิดประสิทธิผลและคุ้มค่ามากที่สุดอย่างไร ครั้งหนึ่งมีเนื้อหมดอายุสำหรับบริการลูกค้า แต่ไม่หมดอายุสำหรับการบริโภค ผมก็แนะนำว่าอย่าทิ้ง ให้นำเนื้อมาหมักไวน์ เครื่องเทศ แล้วทำเป็นอาหารสหรับสตาฟ หรือแม้แต่เรื่องการรักษาความสะอาดหรือ Hygiene เราก็เรียนมาจากวิทยาลัยหมดเลย”
“วิทยาลัยให้ความสำคัญกับพื้นฐาน ตั้งแต่เรื่องในครัว ไปจนถึงการบริหารการเงินที่เราอาจมองว่าไม่สำคัญต่ออาชีพ แต่จริงๆ มันเป็นพื้นฐานที่ทุกคนควรมี” เขาย้ำ
นอกจากทักษะในครัวที่เรย์ได้เพิ่มขึ้นมาแน่ๆ แต่สิ่งที่หนึ่งที่เขายอมรับว่าได้เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างมากมาย นั่นคือ “ทักษะชีวิต” ที่มาปรับเปลี่ยน Mind Set ให้เขาเติบโตขึ้น
“ยอมรับว่าบางอย่างอาจไม่ได้ตามที่คาดหวัง แต่พอคิดไปมาก็พบว่าถ้าเราบ่น เราจะได้ศาสตร์อาหารมาเยอะขึ้นไหม บ่นไปก็ไม่เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและคนอื่น จึงเปลี่ยน Mind Set ว่า ไม่ว่าเราทำอะไรก็ตาม มันต้องได้อะไรสักอย่างกลับมา อย่างการช่วยจัดจาน ล้างจาน ก็ทำให้เราได้ความอึดความเร็วในการทำงาน หรือแม้แต่การให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ผมก็ได้ฝึกทักษะการพูด”
เรย์ฝากถึงน้องๆ ที่อยากไปฝึกงานต่างประเทศว่า ให้ตั้งเป้าหมายให้แน่วแน่ว่าอยากได้อะไรกลับมา เพราะถ้าไปตัวเปล่าอาจไม่ได้อะไรกลับมาเลย ในขณะเดียวกันให้เรียนรู้และเตรียมวิธีรับมือกับความผิดหวัง เพราะต้องไปเจอกับสิ่งที่ไม่ชอบแน่นอน
ส่วนอนาคตของเรย์ เขาวางเป้าหมายในอนาคตไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ผมอยากอยู่เมืองไทย อยากทำอาหารไทยและผลักดันอาหารไทยไปสู่สากล ผมเจอเชฟมามากมย มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนๆ กันคือแพชชั่นกับความภูมิใจในสิ่งที่เขามี เพียงแค่พริกป่นกระปุกเล็กๆ จากหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในฝรั่งเศส พวกเขาก็ภูมิใจและหวงแหน
อยากเอาแพชชั่นมาใส่ตัวผม และเอาตัวผมไปใส่ในของของไทย แล้วผลักดันธุรกิจและทรัพยากรในประเทศให้ไปได้ไกลถึงระดับสากลครับ”