เรื่องของคนรัก “เขา” 

03 ตุลาคม 2024

เรื่องโดย อาจารย์นิศา บูรณภวังค์ อาจารย์สังกัดศูนย์ภาษา วิทยาลัยดุสิตธานี

ที่มา: The Bangkok Insight (www.thebangkokinsight.com) 

——————————————————————————

…ภูชี้ฟ้า ม่อนแจ่ม ดอยอินทนนท์ ภูกระดึง ม่อนจอง ภูป่าเปาะ ดอยลังกาหลวง ม่อนทูเล… 

ที่ผู้เขียนเอ่ยชื่อมานี้ล้วนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนความสูงระดับเหนือน้ำทะเลล้วนๆ เลยค่ะ แล้วทุกคนเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมไม่เรียกสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ว่าภูเขาทั้งหมดไปเลยง่ายดี วันนี้เราจะมาไขคำตอบให้กระจ่างกันดีกว่าค่ะ 

เรามาทำความเข้าใจกับคำทั้ง 3 คำนี้กันก่อนนะคะ “ภู” เป็นคำใช้เรียกภูเขาในพื้นที่ภาคอีสานหรือจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศลาว แปลตามพจนานุกรม แปลว่า ดิน แผ่นดิน โลก หรืออีกความหมายคือ “เนินหินที่สูงขึ้นเป็นจอม” ชื่อเต็มของคำนี้ก็คือ ภูเขา นั่นเอง ถ้าศึกษากันต่อไปยาวๆ คำว่า ภู ใช้กันมานานมาก ตั้งแต่เมื่อครั้งพระสงฆ์จากอินเดียนำพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ในดินแดนไทย ภาษาที่มากับคัมภีร์ พระไตรปิฎก ก็มาถึงแผ่นดินไทยของเราด้วย เราเลยพบการใช้คำบาลี-สันสกฤตปะปนอยู่ในภาษาไทย จนได้กลายเป็นภาษาของเราเอง สรุปคือ ภู เป็นคำบาลี-สันสกฤต ไม่ใช่ไทยแท้…เข้าใจตรงกันนะคะ แต่หากจะมองในแง่ของการสร้างคำใหม่ คำว่า “ภูเขา” ในภาษาไทยเป็นลักษณะของคำซ้อนเพื่อความหมาย ประเภทนำคำที่มีความหมายเดียวกันมาซ้อนกัน เพราะ ภู และ เขา มีความหมายเหมือนกันเปี๊ยบเลย  

“ม่อน” เป็นคำเป็นภาษาเหนือ แปลว่าภูเขา อาจจะเป็นภูเขาที่ไม่สูงมาก ถ้าเรียกแบบเข้าใจง่ายๆ น่าจะหมายถึง เนินเขา เทียบกับภาษาอังกฤษจะตรงกับคำว่า Hill ค่ะ ส่วน “ดอย” เป็นคำใช้เรียกภูเขาในพื้นที่ภาคเหนือภาษาอังกฤษก็คือคำว่า Mountain นั่นเอง 

จริงๆ แล้ว ถ้าพวกเราลองให้ความสำคัญกับชื่อของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดูบ้าง มันจะช่วยทำให้เราทราบถึงลักษณะของสถานที่เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี เพราะตามปกติแล้วการตั้งชื่อสถานที่ใดก็ตาม ก็มักจะผูกโยงเข้ากับลักษณะเฉพาะของสถานที่นั้นไปด้วย เช่น “ม่อนจอง” สถานที่ท่องเที่ยวแห่งทิวเขาถนนธงชัย ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก เพียงแค่เราทำความเข้าใจกับชื่อ เราก็สามารถคาดเดาสถานที่แห่งนั้นได้ว่ามีหน้าตาเช่นไร เพราะในเมื่อเราทราบความหมายของคำว่า “ม่อน” อยู่แล้ว ทันทีที่มารวมเข้ากับคำว่า “จอง” (ภาษาคำเมืองอาจจะออกเสียงว่า จ่อง / จ๋อง ) ซึ่งหมายถึง “ลักษณะจั่วสามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด” เราก็พอจะจินตนาการได้ว่า สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จะต้องมีลักษณะของภูมิประเทศที่เป็นยอดเขา และมีหน้าผาสูงชันแน่นอน  

เห็นไหมคะ…ว่าการท่องเที่ยวไม่ได้ให้แค่ความสนุกสนานเบิกบานกับวิวทิวทัศน์รอบๆ ตัวเท่านั้น แต่ยังได้ความรู้หรือข้อมูลต่างๆ ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้น อาจไม่มีในสิ่งที่ร่ำเรียนมาก็ได้ (แต่ผู้เขียนก็พยายามสอดแทรกสาระน่ารู้เหล่านี้ในการสอนที่วิทยาลัยดุสิตธานีเสมอนะคะ)  

…..ว่าแล้วก็จัดกระเป๋าออกเดินทางกันเถอะค่ะ… Just go!!! 

บทความ

สอบถามเพิ่มเติม

สำนักประชาสัมพันธ์

โทร: 02 721 7811–3 อีเมล: pr.pr@dtc.ac.th

ข่าวอื่น ๆ

02 ธันวาคม 2025

วิทยาลัยดุสิตธานีจัดกิจกรรม “Heart and Value” สร้างสัมพันธ์ชุมชนกับโรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 วิทยาลัยดุสิตธานี นำโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคล พร้อมคณาจารย์และนักศึกษา จัดกิจกรรม “Heart and Value” ณ โรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในชุมชนและมอบความรู้ที่สามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้ โดยมีการสาธิตการทำโมจิครีมชีส การทำเครื่องดื่ม Signature Drink การจัดดอกไม้และเทคนิคการจับจีบผ้า รวมถึงกิจกรรมปรับภูมิทัศน์โรงเรียนร่วมกับนักเรียน กิจกรรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารวิทยาลัยและโรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสนุกสนาน และสาระที่เป็นประโยชน์ สมดังชื่องาน “Heart and Value” ที่มุ่งสร้างคุณค่าและความผูกพันในชุมชน

01 ธันวาคม 2025

วิทยาลัยดุสิตธานีจัดงาน Energy Saving Day 2568 ตอกย้ำความตระหนักรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 วิทยาลัยดุสิตธานีจัดงาน “Energy Saving Day” ประจำปี เพื่อสร้างและตอกย้ำความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้แนวคิด “ลดลงแน่ถ้าเพิ่มแค่ 1” โดยรณรงค์ให้นักศึกษาและบุคลากรปรับอุณหภูมิห้องขึ้น 1 องศาเซลเซียส เพื่อลดการใช้พลังงาน พร้อมกิจกรรมอบรมและสาธิตที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน การคัดแยกขยะ และการทำปุ๋ยจากเศษอาหาร กิจกรรมนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวิทยาลัยในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะด้านพลังงาน เพื่อร่วมกันรักษาโลกให้น่าอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน

สอบถามเพิ่มเติม

สำนักประชาสัมพันธ์

โทร: 02 721 7811–3 อีเมล: pr.pr@dtc.ac.th