เรื่องโดย อาจารย์วีร์ วงศ์สันติวนิช อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาอาหารตะวันตก วิทยาลัยดุสิตธานี
ที่มา: The Bangkok Insight (www.thebangkokinsight.com)
——————————————————————————
คลับแซนด์วิช (Club Sandwich) นั้นมีเรื่องราวที่มาต่างกันหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือมันมีต้นกำเนิดที่ Saratoga Clubhouse นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยเป็นแซนด์วิชที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเสิร์ฟลูกค้าไฮคลาสที่เข้ามาเล่นพนันกันที่นั่น
ลักษณะของแซนด์วิชชนิดนี้มีจุดเด่นตรงที่ใช้ขนมปังปิ้งสามชั้น ส่วนไส้ที่ใส่ก็มีหลากหลาย โดยทั่วไปแล้วจะมีเนื้อไก่ เบคอน ผักกาด มะเขือเทศ ไข่ และทาด้วยมายองเนส ด้วยความที่ทั้งขนมปังและไส้ของมันเยอะขนาดนี้ เวลาเสิร์ฟจึงต้องใช้ไม้จิ้มฟันเสียบให้แซนด์วิชยึดติดอยู่ด้วยกันจะได้หั่นง่ายๆ แล้วก็ปล่อยไม้จิ้มฟันทำหน้าที่ประคองขนมปังไว้อย่างนั้นเพื่อให้กินได้สะดวก
ผมเดินทางมาก็เกือบยี่สิบประเทศ ยังไม่เคยเห็นคลับแซนด์วิชที่ไหนแหวกแนวจากต้นตำรับสักเท่าไร วันนี้เลยอยากจะออกแบบคลับแซนด์วิชในเวอร์ชั่นของตัวเองครับ และต่อไปนี้ผมขอแนะนำให้ท่านพบกับ “Vee’s Super Club”
เริ่มต้นด้วยการใช้ขนมปังชีอาบัตตา (Ciabatta) ขนมปังเชื้อสายอิตาลีที่มีเนื้อเบานุ่ม แต่มีเปลือกที่แข็ง รูปทรงแบนคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาๆ ปกติแล้วเวลานำขนมปังชนิดนี้มาทำแซนด์วิชเขาจะผ่าแยกบนล่างแล้ววางไส้ลงไป แต่ผมจะหั่นตามขวาง เพื่อให้ได้เป็นชิ้นเล็กรูปมนๆ ทำแบบนี้จะทำให้ขนมปังแต่ละชิ้นมีพื้นที่หน้าตัดประมาณครึ่งแผ่นของขนมปังโลฟแบบสี่เหลี่ยมที่มีขายอยู่ทั่วไป เวลาประกอบใส่ไส้ก็จะได้เป็นชิ้นพอดี ไม่ต้องเอามาหั่นอีก แถมยังได้รูปทรงแปลกตาอีกต่างหาก อย่าลืมว่าหั่นเสร็จแล้วก็นำมาปิ้งบนเตาย่างให้ติดลายเป็นเส้นด้วยนะครับ
ซอสที่ใช้ก็คงต้องเป็นมายองเนสแบบไม่หวาน แต่จะใส่ซาวร์ครีมลงไปด้วยประมาณ 1/3 เพื่อให้ได้ความหอม และเนื้อสัมผัสที่เบาขึ้น นอกจากนี้ยังขอแถมซอสตัวที่สองครับ นั่นคือกัวคาโมเล่ (Guacamole) ซึ่งเป็นดิปปิ้งสไตล์เม็กซิกันที่มีส่วนผสมหลักเป็นเนื้อของผลอะโวคาโดบด มีรสชาติเค็มมันอมเปรี้ยวนิดๆ ในคลับแต่ละชิ้นจะมีขนมปังสามแผ่น โดยผมจะทามาโยผสมซาวร์ครีมสองแผ่นและกัวคาโมเล่หนึ่งแผ่นครับ
ในส่วนของผักผมจะเปลี่ยนใบผักกาดหรือไอซ์เบิร์กไปเป็นผักร็อกเกต (Rocket Salad) ที่กรอบและแน่นกว่าไอซ์เบิร์กเล็กน้อยแถมยังมีความมันคล้ายๆ ถั่วและรสเผ็ดฉุนจางๆ ส่วนมะเขือเทศก็จะถูปเปลี่ยนมาใช้มะเขือเทศเชอรี่ที่เนื้อแน่นและหวานกว่ามะเขือเทศลูกใหญ่
หมวดวัตถุดิบสุดท้ายคือโปรตีน เริ่มจากเบคอนที่ผมใช้วิธีการอบให้สุกเพื่อไม่ให้อบน้ำมันจนเกินไป และให้เบคอนหนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคลับเล็ก อกไก่ผ่าด้านข้าง หนึ่งอกจะได้ชิ้นบางสองชิ้น หมักในมันน้ำมันมะกอกแล้วนำไปย่าง จากนั้นก็หั่นครึ่งอีกครั้งได้เป็นชิ้นเล็ก ใช้หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคลับเล็ก ชีสใช้เชดดาร์ของแท้ไม่ใช้ชีสแผ่น และสุดท้ายไข่ดาวผมจะเปลี่ยนเป็นไข่เจียวบางๆ เหมือนแพนเค้กครับ ไม่ว่ากัดคำไหนก็จะได้รสชาติเหมือนกัน
จากนั้นก็ประกอบร่างครับ ไล่จากล่างมาบน ขนมปังแผ่นที่ 1 ไข่ อกไก่ เบคอน ต่อด้วยขนมปังแผ่นที่ 2 ชีส มะเขือเทศเชอรี่ และผักรอกเกต ก่อนจะปิดท้ายด้วยขนมปังแผ่นที่ 3 สาเหตุที่จัดให้ผักทั้งสองอย่างอยู่บนสุดกับชีสนั้น ก็เพื่อไม่ให้มันโดนความร้อนจากเนื้อสัตว์ และไม่โดนกดจากชั้นบนจนไม่เหลือความกรอบ
เป็นยังไงบ้างครับ คลับแซนด์วิชของอาจารย์วีร์แห่งวิทยาลัยดุสิตธานี แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว เสียใจด้วยนะครับที่ไม่ได้ทำถ่ายภาพมาลงบทความ ถ้าอยากลองดูลองชิมของจริงละก็ คงต้องนัดเจอกันแล้วล่ะครับ