Hi

ปอนด์-ปุณยาพร เหล่าเจริญวงศ์ กับเส้นทางสู่การเป็น Management Trainee ของ Marriott International (Voyage Program)

11 สิงหาคม 2025

ผู้ที่เรียนด้านการโรงแรมส่วนใหญ่ใฝ่ฝันที่จะได้รับโอกาสเป็น Management Trainee ของโรงแรมดีๆ สักแห่ง เพราะนั่นคือประตูเปิดสู่อนาคตการทำงานที่มีตำแหน่งรอทันทีที่ฝึกงานจบ แต่โอกาสที่ว่าก็ใช่ว่าจะได้รับมาง่ายๆ ถ้าคนคนนั้นมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ 

แต่ ปอนด์-ปุณยาพร เหล่าเจริญวงศ์ ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่หมาดจากสาขาการจัดการโรงแรม วิทยาลัยดุสิตธานี ไม่ใช่คนที่ไม่ได้รับโอกาสคนนั้น เพราะเธอได้สมัครเข้าร่วมโครงการ Management Trainee ของ Marriott International (Voyage Program) เธอต้องผ่านขั้นตอนการคัดเลือกหลายขั้นตอน แต่ละขั้นตอนเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ทำสำเร็จ ปอนด์จึงมาเล่าให้ DTC Talk ฟังถึงประสบการณ์ในการก้าวไปเป็น Management Trainee ของเครือโรงแรมระดับสากลแห่งนี้ 

ก่อนอื่นเธอได้เท้าความให้ฟังว่า ทำไมถึงเลือกเรียนที่วิทยาลัยดุสิตธานี 

“จริงๆ ตอนแรกปอนด์สนใจสาขาเชฟ เพราะเป็นคนชอบทำอาหาร ทำขนม และวิทยาลัยดุสิตธานีก็เป็นที่รู้จักในด้านนี้ แต่ตัวเองทานมังสวิรัติ เลยคิดว่าคงเป็นเชฟที่ดีได้ยากเพราะมีปัญหากับการชิม แต่ส่วนตัวเป็นคนสนใจงานบริการอยู่แล้ว เลยลองหันมาดูสาขาการจัดการโรงแรม พอได้เห็นรายวิชาก็รู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ไปทำอะไรได้หลายอย่าง ทั้งยังเป็นหลักสูตรบริหารธุรกิจด้วย ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ลึกว่าการโรงแรมเรียนอะไรบ้าง แต่ก็ตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่เพราะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกที่นี่เพราะมีชั่วโมงฝึกงานเยอะ เพราะเป็นคนไม่ชอบเรียนในห้อง พอรู้ว่าให้ฝึกงาน 1,500 ชั่วโมง ก็รู้สึกว่าตอบโจทย์เรามาก ซึ่งพอมาเรียนแล้วก็ตรงตามความคาดหมายคือ เป็นการเรียนพร้อมปฏิบัติ ชั่วโมงฝึกงานได้ตามนั้นจริงๆ ได้ออกไปฝึกที่โรงแรมจริงๆ” 

ปอนด์บอกว่า ความประทับใจวิทยาลัยดุสิตธานีอีกประการหนึ่งก็คือการดูแลเอาใจใส่นักศึกษาของอาจารย์ อย่างเช่นการสมัครเป็น Management Trainee นั้นก็เพราะอาจารย์แนะนำและช่วยอำนวยความสะดวกดำเนินการให้ 

“อาจารย์แนะนำเรื่องการฝึกงาน รวมทั้งโปรแกรมของแมริออทให้ตั้งแต่เรียนปี 2 ปี 3 เพื่อให้เราเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจารย์ทุกท่านจะเน้นย้ำว่าจบจากวิทยาลัยดุสิตธานีไม่ได้ไปเป็นแค่ลูกจ้าง แต่สามารถทำงานในระดับบริหารได้ด้วย” 

ปอนด์เล่าต่อว่า ตอนสมัครเข้าร่วมโครงการ Management Trainee จะต้องแจ้งความประสงค์ว่า อยากทำงานด้านไหน ซึ่งเธอสนใจทางด้านการจัดการรายได้ (Revenue Management) จึงได้สมัครฝึกงานแผนกนี้ เธอเล่าว่า ทางโรงแรมเปิดกว้างให้กับผู้สำเร็จการศึกษาสาขาวิชาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจบการโรงแรมโดยตรง แต่เน้นสรรหาคนที่มีทัศนคติที่ดี มีความเป็นผู้นำ รู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รู้จักการทำงานเป็นทีมเวิร์ก และมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การที่เธอจบการโรงแรมโดยตรงก็กลายเป็นแต้มต่อสำคัญ  

“อย่างแรกเลยคือต้องยื่น resume และ cover letter ไปให้เขา” ปอนด์เล่าถึงขั้นตอนการสมัครและคัดเลือกให้เราฟัง “โดยต้องยื่นผ่านระบบของโรงแรม พร้อมระบุว่าสนใจงานด้านไหน จากนั้นจะได้ลิงก์สัมภาษณ์ออนไลน์มา ซึ่งไม่ได้สัมภาษณ์กับคน แต่สัมภาษณ์กับโปรแกรม เหมือนคุยกับ Siri คือจะมีคำถาม 3-4 ข้อส่งมา แล้วให้เวลาเราอัดวิดีโอตอบภายใน 3 นาที คำถามไม่ได้ยากมาก แต่ยากตรงที่ต้องตอบทันทีเลย เป็นคำถามทั่วๆ ไป เช่น ทำไมสนใจแมริออทและโปรแกรมนี้ แล้วก็มีแบบทดสอบบุคลิกภาพกับความเป็นผู้นำ เพื่อดูอุปนิสัย ความคิด และตรรกะการคิดวิเคราะห์ พอผ่านขั้นตอนนี้ได้ฝ่ายบุคคลส่วนกลางของโรงแรมก็จะสัมภาษณ์เราผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์เพื่อทำความรู้จักเราเบื้องต้นมากกว่า” 

แต่พอผ่านขั้นตอนนี้ไปนี่สิ เรียกว่าท้าทายความสามารถของผู้สมัครสุดๆ 

“ขั้นตอนต่อไปคือสัมภาษณ์กับหัวหน้าของแผนกที่เราเลือก โดยเป็น group discussion พร้อมกับผู้สมัครคนอื่นๆ ประมาณเกือบ 10 คน เป็นลักษณะให้หัวข้อมา แล้วให้เราเลือกที่พูด (speech) 2 นาที จะเลือกเป็นการ debate กันกับผู้สมัครคนอื่น พูดต่อเนื่องกัน หรือจะพูดทีละคนก็ได้ โดยให้ผู้สมัครตกลงกันเอง วันนั้นเลือกเป็น speech ปอนด์ได้หัวข้อว่า AI ดีหรือไม่ดี ปอนด์ก็พูดว่า AI จะดีหรือไม่อยู่ที่วิธีใช้ ถ้าเราใช้ AI ทำงานแทนเราทั้งหมด สุดท้าย AI ก็จะฉลาดไปเรื่อยๆ แต่เราก็จะกลายเป็นไม่พัฒนา ดังนั้นเราควรใช้มันเตรียมข้อมูลให้เรา แล้วเราค่อยนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์และไต่ตรองเอง อย่างนี้ AI ถึงจะเป็นประโยชน์”  

พอผ่านขั้นตอนสุดหินนี้ไปแล้ว ก็ถือว่าผ่านการคัดเลือกแล้ว แต่ยังเหลือขั้นตอนสุดท้ายคือ ให้ไปสัมภาษณ์กับโรงแรมที่ปอนด์ได้รับเลือกให้ไปฝึกงานด้วย ซึ่งเธอได้รับมอบหมายให้ไปฝึกงานที่ Four Points by Sheraton Phuket Patong Beach Resort ที่ภูเก็ต ขั้นตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่า ผู้สมัครอาจจะไม่ผ่านการสัมภาษณ์จากโรงแรมนั้นๆ กระนั้นก็เบาใจได้ว่า เขาจะเลือกโรงแรมอื่นให้ไปฝึกงานแทน 

“ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะไม่ได้แล้ว” ปอนด์บอกแบบเจือเสียงหัวเราะ “เพราะไม่เคยทำ group discussion มาก่อน ต่อให้เตรียมข้อมูลไป แต่พอเจอหน้างานก็จะตื่นนิดนึง แต่สุดท้ายก็ได้รับเลือก ซึ่งปอนด์คิดว่าเป็นเพราะความที่เรามีลักษณะ ของความเป็นคนโรงแรมจริงๆ ทำให้เรามีบุคลิก ความเข้าใจ และทัศนคติที่เหมาะกับงานโรงแรม และก่อนหน้านี้ก็มีรุ่นพี่เข้าโปรแกรมนี้ ซึ่งเขาคงทำผลงานไว้ได้ดี ทำให้ทางโรงแรมน่าจะมั่นใจในผลผลิตของวิทยาลัยดุสิตธานีด้วยค่ะ” 

นับจากนี้ไปอีก 1 ปีครึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ปอนด์พิสูจน์ตัวเองให้ทางโรงแรมแมริออทเห็นว่า โรงแรมตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกปอนด์เข้ามาทำในตำแหน่งนี้ และถ้าเป็นอย่างนั้น หลังจากที่การเป็น Management Trainee สิ้นสุดลง เธอก็จะได้รับตำแหน่งงานไม่ต่ำกว่า Supervisor จากทางโรงแรมทันที อย่างไรก็ตามไม่มีข้อบังคับว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องทำงานกับโรงแรมแมริออทเท่านั้นหรือเปลี่ยนใจไปสมัครงานที่อื่นไม่ได้ เงื่อนไขมีแค่ว่า จะต้องอยู่ร่วมโครงการให้ครบตลอด 1 ปีครึ่งตามสัญญา  

ปอนด์ยอมรับกับเราตามตรงว่า อนาคตจะเป็นเช่นไรเธอก็ยังไม่มั่นใจเช่นกัน แต่เธอก็ให้ความเห็นอย่างน่าสนใจว่า 

“ปอนด์เป็นคนไม่ค่อยแพลนอนาคต แค่ตั้งเป้าหมายว่าอยากจะสำรวจงานสายบริหารในโรงแรมว่าเป็นอย่างไร เหมาะกับความสามารถเราไหม และเราจะสามารถมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนกับความสำเร็จของทางโรงแรมหรือเปล่า 

ปอนด์เลยอยากบอกน้องๆ ที่กำลังจะเข้ามาเรียนว่า ไม่เป็นไรหรอกนะที่เรายังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะวิทยาลัยจะช่วยเตรียมความพร้อมให้เราเห็นเองว่าเราควรไปไหนทิศทางไหน ขอเพียงให้เราค่อยๆ ใช้เวลาหาตัวเอง ใช้ทุกขณะในวิทยาลัยให้เต็มที่ ใส่ใจในบทเรียน ความสำเร็จในรั้ววิทยาลัยก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ส่วนการฝึกงานอาจจะดูยาวนานจนทำให้เหนื่อยและท้อบ้าง ก็ขอให้อดทนสู้ เพราะจะทำให้เราได้ทั้งประสบการณ์ทำงานจริงตั้งแต่ยังไม่จบการศึกษาและได้โปรไฟล์ที่ดีอีกด้วย  

แล้วในที่สุดก็จะพบว่า ในอนาคตยังมีทางเลือกให้เราอีกมากมายเลยค่ะ”  

DTC Talk

สอบถามเพิ่มเติม

สำนักประชาสัมพันธ์

โทร: 02 721 7811–3 อีเมล: pr.pr@dtc.ac.th

ข่าวอื่น ๆ

สอบถามเพิ่มเติม

สำนักประชาสัมพันธ์

โทร: 02 721 7811–3 อีเมล: pr.pr@dtc.ac.th

คุณได้เพิ่มคอร์สเรียนแล้ว