ศรัณยู คล้ายสวัสดิ์ ผู้สร้างเชฟรุ่นใหม่เข้าสู่วงการอาหารเมืองไทย และผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจร้านอาหารชื่อดัง 

23 พฤษภาคม 2024

เรื่องโดย สัน

ที่มา: คอลัมน์ Focus นิตยสาร Travel@Samutprakan 

——————————————————————————

เบสท์ศรัณยู คล้ายสวัสดิ์ เชฟหนุ่มอารมณ์ดี ชาวสมุทรปราการ คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่พร้อมช่วยผลักดันธุรกิจอาหารในเมืองไทย ที่พ่วงตำแหน่งอาจารย์ประจำหลักสูตรนานาชาติ ที่วิทยาลัยดุสิตธานี สอนวิชาอาหารตะวันตก ทำหน้าที่สอนและปลุกปั้นเชฟหน้าใหม่เข้าสู่วงการอาหารด้วยลีลาการสอนที่สนุกเป็นกันเอง     

หลายคนมีความฝัน อาจารย์หนุ่มชาวสมุทรปราการคนนี้ก็เช่นกัน เขามีความใฝ่ฝันอยากทำงานด้านการโรงแรม ทำให้มุ่งมั่นมาบนเส้นทางสายนี้โดยตลอด หลังจากจบการศึกษาด้านการโรงแรมและอาหารจากสถาบัน Vatel ประเทศฝรั่งเศส เขาเดินทางไปค้นหาความต้องการของตัวเอง ด้วยการทำงานในครัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่หลายปี จนในที่สุดก็ตัดสินใจกลับเมืองไทย นั่นคือจุดเริ่มต้นของอาชีพที่ปรึกษาด้านการจัดการร้านอาหาร และอาจารย์สอนวิชาอาหารตะวันตกที่วิทยาลัยดุสิตธานีแห่งนี้ 

“พื้นเพผมเป็นคนสมุทรปราการครับ เลือกทำงานที่ชอบและใกล้บ้าน ก่อนจะมาเป็นอาจารย์ ผมเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการธุรกิจอาหาร ช่วยคิดสูตรเมนูอาหาร และวางแผนการทำร้านอาหารทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นจนสามารถเปิดร้านได้ ผมมีทีมที่ทำงานร่วมกัน เราดูแลหลายๆ แบรนด์ เช่น ร้านนภา แหล่งรวมลายเซ็นความอร่อยระดับตำนานของเชฟระดับมิชลินสตาร์, Maggi Kitchen Thailand ฯลฯ จนตัดสินใจมาเป็นอาจารย์สอนการทำอาหาร เพราะเราอยากแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่เรามีให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างคนในสายอาชีพการทำอาหารที่มีคุณภาพขึ้นมาเยอะๆ ครับ”  

เลือกเป็นเชฟเพราะติดใจรสมือแม่  

ผมชอบทำอาหาร เพราะผมโตมากับการเห็นคุณแม่ทำอาหารทุก ๆ วัน แม้จะเป็นอาหารบ้าน ๆ ทั้งอาหารไทย อาหารจีน เรากินรสมือคุณแม่มาตลอด และคิดว่าแม่เราทำอาหารอร่อยที่สุด พอเราโตมา เราก็เอารสมือของคุณแม่ไปทำให้เพื่อน ๆ ทาน ซึ่งพอได้คำติชมมา เราก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ค่อย ๆ เรียนรู้และปรับปรุง เมื่อเราได้เข้าไปเรียนทางด้านอาหารจริงจังที่ประเทศฝรั่งเศส เราถึงได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วอาหารมันยังมีรสชาติที่ยังเป็นสากล มีมาตรฐาน เราจะทำให้ทุก ๆ จานเหมือนกันทุกครั้งได้ ไม่ต้องทำแบบอร่อยไม่ซ้ำ จำสูตรไม่ได้อีกต่อไป ผมจึงตั้งเป้าอยากเรียนรู้มากขึ้น ๆ  ยิ่งเรียนรู้ ผมก็คิดว่าคนทำอาหารเป็นอาชีพที่มีคุณค่า ยิ่งเวลาที่เราทำอาหารอร่อย ๆ สักจานไปเสิร์ฟ เราได้อะไรกลับมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม ความสุข ซึ่งมันมีคุณค่ามากกว่าคำชมเสียอีก”

จุดเปลี่ยนจากเชฟร้านอาหารผันมาเป็นอาจารย์ 

“ผมเรียนการโรงแรมอินเตอร์มา ได้ซึมซับวัฒนธรรมหลากหลาย ได้เจอกับอาจารย์ต่างชาติ เราซึมซับความกล้าแสดงออก จนอยากเป็นคนถ่ายทอดขึ้นมาบ้าง เพราะเราได้เห็นอาจารย์ของเรา เวลาสอนพวกเขาถ่ายทอดจากอินเนอร์ มีความเป็นธรรมชาติ สื่อสารเข้าใจง่าย มันแตกต่างจากการเรียนตำราที่เอาแต่จดที่น่าเบื่อ นั่นเองคือจุดที่ทำให้ผมมาเป็นอาจารย์ เราอยากทำการสอนให้มันไม่น่าเบื่อ เราจึงต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับเด็กรุ่นใหม่ และการทำอาหารแบบคนรุ่นก่อนที่สืบทอดกันมา ผมมองว่าเราอยู่ตรงกลาง ที่พยายามผสมผสานวัฒนธรรมการทำอาหารของคนสองรุ่นให้มาลงตัวตรงจุดกึ่งกลาง ทำให้อาหารดูทันสมัยเหนือกาลเวลา เพื่อนำมาถ่ายทอดให้เด็กนักเรียนเข้าใจง่าย การสอนของผมเลยออกมาสนุกๆ ธรรมชาติ เมื่อเด็กๆ เข้าใจง่าย คนเรียนสนุก ได้ความรู้กลับไป เราก็มีกำลังใจให้ลุกมาสอนในทุกวัน” 

อาจารย์เชฟเบสท์ของลูกศิษย์หลายร้อยคน 

“ผมสอนอาหารตะวันตก เป็นอาหารฝรั่งเศสพื้นฐาน การสอนก็จะเริ่มตั้งแต่เบสิกเลย สอนหั่น สับ ซอย เตรียมความพร้อมในครัวตั้งแต่แรกเข้า คนไม่มีทักษะ ทำอะไรไม่เป็นเลย ก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง นักเรียนหลายคนก็เป็นลูกคุณหนูมาเลย ไม่ทำอะไรเลย เราก็จะมาฝึกมาเกลาเขาใหม่ ทำให้เขาชำนาญจนเกิดความมั่นใจ เพราะเมื่อเขาก้าวออกไปไปทำงาน เขาจะต้องอยู่ในโลกความเป็นจริง ที่ต้องทำทุกอย่างให้ได้ ที่นี่เราฝึกเขาตั้งแต่พื้นฐานเรื่อย ๆ ไปจนถึงขั้นแอดวานซ์ ถ้านักเรียนทำได้ดี เราก็ภูมิใจ  

ในแต่ละคลาสเราจะเจอเด็กหลากหลาย มีทั้งน่าเอ็นดู ทั้งน่ารักน่าชัง แต่เราจะสอนพวกเขาด้วยความเท่าเทียม พยายามผลักดันให้พวกเขาได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เวลาเรียนกับผมอยากให้เขาเอาเทคนิคต่าง ๆ ไป ไม่ต้องทำออกมาเหมือนผมก็ได้ ตั้งใจทำให้ดีกว่าไปเลย นั่นคือเป้าหมายในการสอนของผม การทำอาหารรสชาติที่ออกมา มันเป็นเหมือนดีเอ็นเอของเชฟแต่ละคน ทุกคนก็จะมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง นั่นคือเสน่ห์ของอาหารที่จะทำให้คนติดใจ  

หลายคนอาจจะมองว่าอาจารย์สอนทำอาหารดูไม่ยาก แต่ความจริงแล้วอาจารย์สอนครัวแบบเรา เหนื่อยมากครับ ทั้งเหนื่อยกายและใจ เรายืนวันละ ๑๐ ชั่วโมง ต้องคอยสอนและอบรมพวกเขาทั้งเรื่องความรู้ จรรยาบรรณ ภาคปฏิบัติ พูดและสาธิตการทำอาหารตลอดเวลา แล้วยังต้องชิมอาหารของนักเรียนแต่ละคน ซึ่งมันเยอะมาก วันหนึ่งที่เคยสอนเยอะที่สุดก็ ๑๒๐ คน วันละ ๓ รอบ ๆ ละ ๔๐ คน มาเริ่มเตรียมการสอนตั้งแต่เช้ามืด ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ กลับออกมาอีกทีพระจันทร์มาแล้ว แต่การได้เห็นนักเรียนของเราค่อย ๆ เรียนรู้และเติบโตออกไปได้ทำงานในสายนี้ได้อย่างมืออาชีพ ก็ภาคภูมิใจครับ”  

การเป็นที่ปรึกษาในธุรกิจอาหาร  

“ในการเป็นที่ปรึกษา ผมทำงานเป็นทีม มีพี่ๆ เพื่อนๆ ช่วยกันในแต่ละขั้นตอน คนที่เข้ามาหาเรา บางคนเขามีแค่ความอยากทำ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นทำอย่างไร พวกผมก็จะช่วยตั้งแต่เซ็ทอัพเมนู ทำ SOP (Standard Operating Procedure) ชุดคำสั่งหรือแนวทางการทำงานที่ถูกกำหนดขึ้นให้เป็นมาตรฐาน เหมือนสร้างไบเบิลของร้านอาหารขึ้นมาให้เขาเลย ไม่ว่าจะเป็นอบรมพนักงาน เซ็ทอัพร้าน วางกฎระเบียบ ทำไกด์ไลน์ให้เขา หากเขามีเชฟที่เก่งอยู่แล้ว เราก็จะไม่ได้เข้าไปยุ่งในส่วนนี้ แต่ถ้าไม่มีเราก็ทำให้ตั้งแต่คิดเมนู คิดสูตร และเทรนให้จนเขาสามารถทำเองได้ ซึ่งเวลาร้านที่เราดูแลให้เป็นที่รู้จัก มีคนติดใจในรสชาติอาหารและบริการ ผมรู้สึกภูมิใจทุกครั้ง 

ความยากของการเป็นที่ปรึกษา คือบางครั้งเราต้องไปสอนคนที่เขาเก่งอยู่แล้ว ต้องมีการละลายพฤติกรรม เพื่อให้เขาเปิดใจรับความเปลี่ยนแปลง และอะไรที่มันเป็นระบบระเบียบที่เราวางไว้ มันต่างจากการสอนนักเรียนเลย ที่เราสอนเขาตั้งแต่จุดเริ่มต้น เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงและเติบโตต่อไป”  

มุมมองต่อธุรกิจอาหารในปัจจุบัน 

“ผมมองว่าวงการอาหารทั้งในบ้านเราและทั่วโลก กำลังเติบโตและจะเติบโตไปต่อได้อีกไกล เพราะคนเราต้องกินอาหารทุกวัน โลกยังต้องการอะไรใหม่ ๆ เพื่อมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นธุรกิจอาหารจะยังเป็นธุรกิจที่เป็นหัวใจสำคัญ ขายได้เรื่อย ๆ ใครมีไอเดียใหม่ ๆ สามารถสร้างเทรนด์ได้ก่อนก็จะเป็นผู้นำ ในฐานะอาจารย์ เราพยายามที่จะผลักดันให้คนในวงการอาหารมีคุณภาพ เพื่อออกไปช่วยขับเคลื่อนวงการต่อไปครับ”   

DTC Talk

สอบถามเพิ่มเติม

สำนักประชาสัมพันธ์

โทร: 02 721 7811–3 อีเมล: pr.pr@dtc.ac.th

ข่าวอื่น ๆ

02 ธันวาคม 2025

วิทยาลัยดุสิตธานีจัดกิจกรรม “Heart and Value” สร้างสัมพันธ์ชุมชนกับโรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 วิทยาลัยดุสิตธานี นำโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคล พร้อมคณาจารย์และนักศึกษา จัดกิจกรรม “Heart and Value” ณ โรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในชุมชนและมอบความรู้ที่สามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้ โดยมีการสาธิตการทำโมจิครีมชีส การทำเครื่องดื่ม Signature Drink การจัดดอกไม้และเทคนิคการจับจีบผ้า รวมถึงกิจกรรมปรับภูมิทัศน์โรงเรียนร่วมกับนักเรียน กิจกรรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารวิทยาลัยและโรงเรียนแก่นทองอุปถัมภ์ พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสนุกสนาน และสาระที่เป็นประโยชน์ สมดังชื่องาน “Heart and Value” ที่มุ่งสร้างคุณค่าและความผูกพันในชุมชน

01 ธันวาคม 2025

วิทยาลัยดุสิตธานีจัดงาน Energy Saving Day 2568 ตอกย้ำความตระหนักรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 วิทยาลัยดุสิตธานีจัดงาน “Energy Saving Day” ประจำปี เพื่อสร้างและตอกย้ำความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้แนวคิด “ลดลงแน่ถ้าเพิ่มแค่ 1” โดยรณรงค์ให้นักศึกษาและบุคลากรปรับอุณหภูมิห้องขึ้น 1 องศาเซลเซียส เพื่อลดการใช้พลังงาน พร้อมกิจกรรมอบรมและสาธิตที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน การคัดแยกขยะ และการทำปุ๋ยจากเศษอาหาร กิจกรรมนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวิทยาลัยในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะด้านพลังงาน เพื่อร่วมกันรักษาโลกให้น่าอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน

สอบถามเพิ่มเติม

สำนักประชาสัมพันธ์

โทร: 02 721 7811–3 อีเมล: pr.pr@dtc.ac.th