เทรนด์ที่ 1 เที่ยวทริปสั้น ๆ แต่บ่อย ๆ
แพลนทริปยาวๆ ต้องใช้พลังเยอะ เทรนด์มาแรงปีนี้จึงเป็นการแพลนทริปไปเที่ยวแบบสั้น ๆ ในช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ แต่ไปบ่อย ๆ แทน และนักท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มที่จะพักผ่อนแบบ staycation คือการพักผ่อนและเที่ยวในเมืองที่ตัวเองอยู่มากขึ้น โดยมักจะเปลี่ยนบรรยากาศจากนอนที่บ้านไปนอนโรงแรม หรือที่พักแบบแปลกใหม่แทน เช่น yurtch, pods หรือ airstream เป็นต้น
เทรนด์ที่ 2 Insta Holiday
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเมืองที่เราจะไปเที่ยวมากขึ้น
มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของคนอายุน้อยกว่า 33 ปี เลือกว่าจะไปเที่ยวเมืองไหนผ่านการดูรูปใน Instagram (Source: Schofields) โดยเริ่มจากการดูภาพใน Instagram ว่าเมืองนั้นรูปสวยไหม มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายลง Instagram หรือไม่ แล้วจึงตัดสินใจไปเที่ยวที่เมือง หรือประเทศนั้นๆ
เทรนด์ที่ 3 ขับเคลื่อนด้วยเทรนด์สุขภาพ
ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส หรือสปา อะไรก็ตามที่จะทำให้วันหยุดพักผ่อนนั้นได้ผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ เป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตและมาแรงอย่างก้าวกระโดด เห็นได้จากการที่มีโรงแรมที่เน้นด้านสปา หรือกิจกรรมพักผ่อนผ่อนคลายเพิ่มมากขึ้น
เทรนด์ที่ 4 B-Leisure
ลืมภาพทริปเพื่อธุรกิจไปได้เลย เพราะตอนนี้เทรนด์มาแรงคือการเดินทางเพื่อธุรกิจที่ได้ท่องเที่ยวไปด้วย 87% ของนักธุรกิจตอบว่าตนมักจะพ่วงการท่องเที่ยวไปกับทริปเดินทางเพื่อธุรกิจเสมอ (Source: Avis) นั่นทำให้เราไม่สามารถแบ่งแยกได้ชัดเจนระหว่างการเดินทางเพื่อธุรกิจ หรือเพื่อการท่องเที่ยวอีกต่อไป เพราะเทรนด์ตอนนี้คือการรวมการเดินทางทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน
Source: Forbes